Friday, January 20, 2012

ปฏิวัติห้องข่าว...สำหรับคนข่าวภาพ (2)


คนข่าวภาคสนามที่เรียกตัวเองว่า "ช่างภาพ" หรือ "ช่างกล้อง" แต่ดั้งเดิม ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ และต้องถือว่าตนเป็นเป็น "คนข่าวภาพ" หรือ visual journalist ซึ่งย่อมหมายความว่าจะรายงานข่าวและภาพ, วีดีโอและทุกอย่างที่เสนอผ่านสายตาของผู้บริโภาคข่าวได้อย่างต่อเนื่องและมีคุณภาพ

ในการปฏิบัติหน้าที่แบบ "Digital First" นั้น คนข่าวภาพจะวางตัวให้ทำกิจกรรมอย่างนี้

๑. ก่อนอื่นใช้มือถือรุ่นใหม่ถ่ายภาพเหตุการณ์หรือสิ่งที่พบเห็นทันทีและส่งทวีตหรือขึ้นบล็อกเป็น breaking news ทันที
๒. พร้อมกันนั้น เขาหรือเธอก็จะถ่ายวีดีโอ ไม่ว่าจะใช้กล้องวีดีโอใน smartphone หรือด้วยกล้องที่ใช้ในการรายงานข่าวทีวี
๓. คนข่าวภาพต้องคิดทันทีว่าจะถ่ายภาพหลาย ๆ มุมเพื่อสามารถจะทำเป็น slideshow ในภายหลัง และสามารถจะเลือกเอารูปที่โดด
เด่นที่สุดของเหตุการณ์นั้น ๆ สำหรับสื่อสิ่งพิมพ์ในวันต่อไป
๔. เขาต้องไม่ลืมที่จะอัดเสียงรอบด้าน หรือเสียงให้สัมภาษณ์ของแหล่งข่าวในเหตุการณ์นั้นด้วยอุปกรณ์อัดเสียงที่ทุกวันนี้มีมากมายและ ติดมากับกล้องในทุกรูปแบบ เพื่อจะได้ใช้ประกอบ slideshow ที่จะทำขึ้นเว็บไซท์หรือบล็อกของตัวเอง
๕. หากมีโอกาส เขาจะถ่ายรูปหน้าของคนเป็นข่าว (mugshots) เพื่อใช้ประกอบบทความหรือสารคดีหรือใช้ในอนาคตเมื่อแหล่งข่าวนั้น ๆ กลายเป็นข่าวอีกในวันข้างหน้า
๖. หากเป็นกรณีภัยพิบัติ เขาจะถ่ายรูปของตึกรามบ้านช่องหรือฉากเหตุการณ์เพื่อจะได้นำไปใช้งานอีกหลายด้านที่นำเสนอในรูปแบบต่าง ๆ หากมีความจำเป็นต้องใช้ หรือไม่ก็เก็บไว้เป็นวัตถุดิบในวันข้างหน้า
๗. คนข่าวภาพต้องไม่ลืมสอบถามและจดชื่อเสียงเรียงนามและตำแหน่งแห่งหนให้ถูกต้องแม่นยำ เพราะข้อมูลเช่นนี้จะมีความสำคัญมากเมื่อต้องนำเสนอพร้อมกับผลงานภาพนิ่ง, วีดีโอ, กราฟฟิกที่จะมีขึ้นในสื่อต่าง ๆ
๘. คนข่าวภาพภาคสนามจะปรึกษากับหัวหน้าโต๊ะหรือบรรณาธิการที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดว่าจะตัดต่อวีดีโอหรือเลือกภาพนิ่งใดในการนำเสนอ ไม่ว่าจะเอาขึ้นเว็บไซท์, บล็อก, เฟซบุ๊ค, ยูทูปหรือเพื่อตีพิมพ์ในสื่อของตนในเวลาต่อมา

จะเห็นว่าในโลกสื่อยุคดิจิตัลวันนี้ คนข่าวที่คิดว่าตัวเองเป็นแค่ "ช่างภาพ" หรือ "ช่างกล้อง" และมีหน้าที่ถ่ายภาพหรือวีดีโออย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับการรายงานข่าวหรือบรรยากาศสีสันบรรยากาศ ณ ที่เกิดเหตุจะกลายเป็นคนรุ่นเก่าและจะถูกคนข่าวรุ่นใหม่ที่ฝึกปรือมาเป็น digital journalists for all platforms แซงหน้าจนหาบทบาทของตัวเองไม่เจอ

No comments: