Tuesday, August 2, 2011

iReport คือตัวอย่างชุมชนนักข่าวพลเมืองที่ชี้อนาคตของข่าว


นี่เป็นภาพประวัติศาสตร์ของการก่อกำเหนิดของ "นักข่าวพลเมือง" หรือ "citizen journalist" เพราะรูปนี้ไม่ได้ถ่ายโดยนักข่าวหรือช่างภาพอาชีพ หากแต่เป็นผู้โดยสารบนเครื่องบินลำที่ร่อนลงแม่น้ำฮัดสันกลางนครนิวยอร์คเมื่อสองปีก่อน...และส่งขึ้นทวิตเตอร์กับไปที่ IReport ของ CNN

เป็นการเปิดศักราชของการใช้เทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือและ social media เพื่อรายงานข่าวด่วนที่เกิดต่อหน้าต่อตาใครก็ได้ที่มีอุปกรณ์ง่าย ๆ และใช้อินเตอร์เน็ทเพื่อแจ้งข่าวไปให้สาธารณชนได้ทราบ, ทั่วโลก, ทันทีที่เกิดเหตุการณ์, และไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการของกองบรรณาธิการของสื่อกระแสหลักใด ๆ เลย

วันนี้ CNN ประกาศความสำเร็จของการเปิด IReport มาครบห้าปี โดยเรียกปรากฏการณ์นั้นว่าเป็นการ "ปฏิวัติ" ครั้งสำคัญของ
วงการสื่อสารมวลชน...ที่มวลชนเองสามารถรายงานข่าวให้กันและกันโดยไม่จำเป็นต้องผ่านขั้นตอนปกติของการทำสื่ออย่างที่เคยเป็นมาตลอดเวลาหลายร้อยปี

CNN บอกว่าเหตุการณ์สึนามิในปี ค.ศ. 2005 ในมหาสมุทรอินเดีย (ที่ไทยก็โดนด้วยอย่างแรง) ก่อให้เกิดภาพและวีดีโอที่ชาวบ้านถ่ายส่งไปยังสถานีอย่างมากมาย เพราะเขาและเธอเหล่านั้นอยู่ ณ จุดเกิดเหตุที่นักข่าวและช่างภาพไม่สามารถไปถึงได้ หรือไม่อยู่ในเหตุการณ์ขณะที่เกิดขึ้น

นี่คือที่มาของแนวคิด citizen journalism

ตอนหนึ่งของบทระลึกถึงการเกิด iReport นั้น CNN บอกว่า..."Over the next few months, we'd see a parade of breakthrough moments in digital citizen journalism, the beginnings of a new, much faster and more efficient model for collecting and sharing the events that shape our world..."

หลังจากนั้น, ทุกครั้งที่มีเหตุใหญ่, พลเมืองที่เห็นเหตุการณ์ก็จะสวมบทนักข่าวทันที เพราะใครมีมือถือและส่งภาพหรือวีดีโอไปขึ้น YouTube ได้หรือส่งไปให้กับทีวีหรือหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซท์ได้, ก็สามารถทำหน้าที่รายงานข่าวได้อย่างคล่องแคล่วทันควัน

iReport เป็นโครงการของ CNN ที่เกิดเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2006 โดยเป็นเว็บไซท์ที่เชื้อชวนให้คนทั่วไปส่งภาพและวีดีโอคลิบที่เป็นข่าวทุกรูปแบบไปให้เพื่อแบ่งปันกันทั่วโลก

วันนี้ iReport ได้กลายป็นชุมชนของคนไม่น้อยกว่า 900,000 คนทั่วโลกที่แบ่งปันภาพและวีดีโอที่มีความหมายสำหรับพวกเขาและเธอ

และบ่อยครั้ง, สิ่งที่ "นักข่าวพลเมือง" ส่งมานั้นคือเนื้อหาที่กำหนดให้ CNN ต้องทำข่าวตามแนวนั้นด้วยซ้ำไป

ผมเชื่อว่า "อนาคตของข่าว" จะยิ่งทำให้ความป็น citizen journalism เข้มข้น, กว้างขวาง, และ มีบทบาทสำคัญต่อการสื่อสารของคนในสังคม เพราะจากนี้ไปจะเป็นยุคดิจิตัลที่ "ปัญญาของฝูงชน" หรือ wisdom of the crowd จะเป็นตัวกำหนดความเป็นไปของข่าวและสาระที่มีอิทธิพลอันสูงยิ่งต่อสังคมมนุษย์

คนข่าวอาชีพวันนี้ต้องตระหนักว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงอันหนักหน่วงรุนแรง และจะต้องเข้าไปศึกษาเรียนรู้บทบาทอันสำคัญของของ citizen journalism ทุกฝีเก้าจากนี้ไป

เพราะคนทำสื่อวิชาชีพมิอาจจะหลงผิดว่าตนจะสามารถกำหนดทิศทางและเนื้อหาของข่าวสารให้กับชุมชนในภาพรวมได้อีกต่อไปแล้ว

ปัญญาของฝูงชนจะเป็นปัจจัยที่คนข่าวอาชีพต้องนำมาใคร่ครวญอย่างลุ่มลึกอย่างยิ่ง

No comments: