Monday, October 17, 2011

คนข่าวดู Page One: Inside the New York Times จะเห็นความท้าทายหนักหน่วงยิ่ง


ผมเพิ่งดูดีวีดีหนังเรื่อง "Page One: Inside the New York Times" ที่เพิ่งออกฉายในอเมริกา..เป็นหนังที่คนข่าวที่ต้องการเห็นอนาคตของข่าวจะต้องดู...เพราะนี่คือตัวอย่างของยักษ์ใหญ่ระด้บโลกที่ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ หาไม่แล้วก็อาจจะไม่รอดด้วยซ้ำไป

หนังเรื่องนี้เป็นสารคดี เป็นครั้งแรกที่คนระดับบรรณาธิการอาวุโสของสื่อสิ่งพิมพ์อันโด่งดังระดับโลกยอมให้ทีมถ่ายทำที่นำโดย Andrew Rossi เข้าไปถ่ายทำทุกแง่มุมของการทำงานเป็นเวลาต่อเนื่องกว่าหนึ่งปีเพื่อให้ได้ "คนจริงเสียงจริง" ของคนข่าวที่กำลังต้องปรับตัวจากสื่อเก่าสู่สื่อดิจิตัลอย่างดุเดือดรุนแรง

ต้องชื่นชมนิวยอร์คไทมส์ที่พร้อมจะเปิดกว้างประตูตนเอง และให้ทีมสร้างหนังเจาะหาแง่มุมทั้งแง่บวกและแง่ลบ, ทั้งที่น่าเลื่อมใสและน่าคลางแคลงในการทำหน้าที่ของคนข่าวในสื่อที่ได้ชื่อว่าเป็นสถาบันของแวดวงหนังสือพิมพ์ของสหรัฐฯ

ที่น่าสนใจสำหรับคนที่เป็นห่วงอนาคตของข่าวคือการที่นิวยอร์คไทมส์ตัดสินใจเมื่อปี 2008 ที่ตั้ง Media Desk ขึ้นเป็นครั้งแรกเพื่อรายงานความเปลี่ยนแปลงที่เกิดในแวดวงอุตสาหกรรมสื่อ, ไม่เว้นแม้เจาะหาข่าวในนิวยอร์คไทมส์เอง

หนังเรื่องนี้สะท้อนถึงผลพวงของเทคโนโลยีที่มีต่ออนาคตของข่าวอย่างละเอียดทุกมุม เจาะเฉพาะลงไปในใจกลางการตัดสินใจของผู้บริหารขององค์กรสื่อแห่งนี้ในการตั้งรับกับผลพวงของอินเตอร์เน็ทที่มีต่ออาชีพของตน โดยเฉพาะเมื่อ "ข่าว" มิใช่สมบัติผูกขาดของสื่อสิ่งพิมพ์อย่างที่เป็นมาตลอดประวัติศาสตร์ของแวดวงข่าวสาร

หลายฉากของหนังเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของคนข่าวรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่ ความข้ดแย้งที่เกิดขึ้นและการรักษามาตรฐานแห่งการทำหน้าที่ของตนท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอันหนักหน่วงรุนแรง

สารคดีเรื่องนี้ไม่หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องอื้อฉาวในกองบรรณาธิการของนิวยอร์คไทมส์เองเมื่อนักข่าวบางคนถูกจับได้ว่า "ยกเมฆ" ข่าวที่ได้รางวัลและการอ้างแหล่งข่าวที่ต่อมาพิสูจน์ได้ว่าให้ข้อมูลที่ผิดพลาดจากความเป็นจริงจนกระทบต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของสถาบันแห่งสื่อสารมวลชนแห่งนี้

น่าสนใจว่าแม้หนังเรื่องนี้จะไม่มี "พระเอก" หรือ "นางเอก" และตอนจบก็บอกไม่ได้ว่าอนาคตของนิวยอร์คไทมส์จะเป็นอย่างไร แต่ก็สามารถสื่อให้เห็นถึงปัญหา, ความท้าทาย, และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์, สื่อ, และเทคโนโลยีได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจยิ่ง

No comments: