Sunday, January 8, 2017

วันนี้ของ 'คนบ้าข่าว'...สด, ทุกที่, ทุกเวลา


เมื่อสื่อถูก "ป่วน" (disrupt) ด้วยเทคโนโลยีอย่างรุนแรง รูปแบบการนำเสนอก็พลอยแปรเปลี่ยนไปอย่างหนักหน่วง คนทำสื่อก็ต้องปรับตัวด้วยการเน้นคุณภาพของเนื้อหาที่ผิดแผกไปจากข่าวกระแสทั่วไป และพร้อมจะผลิตเนื้อหาผ่าน platform ทุกประเภทอย่างไม่ลังเล
เมื่อหลายปีก่อน ผมเริ่มใช้โทรศัพท์มือถือ รายงาน, วิเคราะห์และสัมภาษณ์ประเด็นข่าวเพื่อนำขึ้นจอโทรทัศน์และ YouTube โดยใช้มุมใดมุมหนึ่งที่บ้านเป็น "ห้องส่ง" โดยไม่จำเป็นต้องมี Studio หรูหราราคาแพงตามแนวคิดของเจ้าของสถานีโทรทัศน์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดเรื่อง "หน้าจอ" ด้วยงบประมาณมหาศาลที่ไหลออกนอกประเทศเสียเป็นส่วนใหญ่
ผมพยายามบอกคนข่าวรุ่นใหม่ให้กระโดดเข้าใส่อุปกรณ์พกพาทุกรูปแบบที่สามารถช่วยในการผลิตข่าวโดยฝึกฝนตนเองเป็น Mobile Journalist (Mojo) โดยไม่ต้องยึดติดกับรูปแบบการทำงานของคนทำทีวีแบบเดิม
ความอยู่รอดของคนทำสื่อในยุค Perfect Storm ที่พายุแห่งความเปลี่ยนแปลงถาโถมจากทุกทิศทางอยู่ที่คนข่าวแต่ละคนจะต้องบอกตัวเองให้ออกจาก "comfort zone" หรือการทำงานในวิถีเดิม ๆ



คนข่าวส่วนใหญ่รับรู้ถึงความจำเป็นที่ต้องปรับต้องเปลี่ยน แต่น่าเสียดายว่าในกรณีส่วนใหญ่ "แรงเฉื่อย" ยังมีอิทธิพลสูงว่า "แรงเร่ง" จึงเป็นเหตุให้คนข่าวจำนวนไม่น้อย "ดูเหมือนจะปรับแต่ไม่ยอมเปลี่ยน"

แต่เทคโนโลยีไม่คอยให้คนข่าว "พร้อม" จึงจะรุกไล่ต่อ มันยังเดินหน้าสร้างสิ่งใหม่ ๆ ที่ท้าทายความกล้าและมุ่งมั่นของคนทำสื่ออย่างไม่หยุดยั้ง


สำหรับคนทำหนังสือพิมพ์ที่ไม่ทำสร้างเนื้อหาวีดีโอ และไม่เรียนรู็ฝึกฝนการเล่าเรื่อง (story-telling) ให้ทันกับพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไป, สถิติของคนที่หันเหไปเสพข่าวและเนื้อหาในมือถือ ผละจากสื่อสิ่งพิมพ์และแม้จอทีวีอย่างรวดเร็วและรุนแรงสร้างความตระหนกในแวดวงคนทำข่าวจนทำได้แต่เพียงอุทานว่า "ไม่นึกว่ามันจะมาเร็วเพียงนี้"
ไม่กี่ปีก่อนนี้เอง วงการคนทำทีวียังพูดถึงทีวีเป็น First Screen, แล็บทอปเป็น Second Screen และมือถือเป็น Third Screen
ผ่านมาเพียงไม่กี่ปี, วันนี้ "จอแรก" ไม่ใช่ทีวี หากแต่เป็นมือถือที่ทุกคนสามารถแสวงหาเนื้อหาข้อมูลทุกรูปแบบได้ตลอดเวลา ในรูปแบบ anywhere, anytime



คำว่า "ถ่ายทอดสด" ของทีวีและวิทยุเปลี่ยนความหมายมาหลายปีแล้วเมื่อเริ่มมีอุปกรณ์ขนาดเล็กที่นักข่าวและช่างภาพสามารถแบกไปกับตัวได้อย่างคล่องแคล่ว



แต่ภายในไม่กี่ปีต่อมา เมื่อ social media เพิ่มความสามารถในการทอดถ่ายสด เริ่มด้วยทวิตเตอร์เพิ่ม Periscope ตามมาด้วย Facebook Live โลกของการสื่อสารก็พลันพลิกตาลปัตร



สำหรับคนทำข่าวที่พร้อมจะปรับพร้อมจะทดลองกับของใหม่ ๆ และใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับการทำหน้าที่ ทำการบ้านหนักขึ้นเพื่อผลิตเนื้อหาทั้งภาพ, เสียงและตัวหนังสือที่มีคุณภาพ สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนไป และตรงกับความต้องการเฉพาะด้านของผู้คน นี่คือโอกาสทองที่มาพร้อมกับการปฏิวัติการสื่อสารระหว่างมนุษย์ครั้งยิ่งใหญ่


เมื่อได้เวลาวางมือจากงานบริหารที่คนรุ่นต่อไปรับไม้ต่อแล้ว, ผมก็ทุ่มเวลาและพลังให้กับความเป็น "คนบ้าข่าว" ในจังหวะที่ทุกคนกำลังประสบกับภาวะความเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตประจำวันในอัตราความเร่งอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
นอกเหนือจากเขียนคอลัมน์หนังสือพิมพ์, ทำคลิบเสียงประจำวัน, และทำรายการโทรทัศน์แล้ว ผมก็ใช้ Facebook Live และ Periscope กับอุปกรณ์ไฮเทคทุกประเภทในการวิเคราะห์, รายงาน, เล่าเรื่องราวสด ๆ เพื่อเสริมการทำหน้าที่ของคนข่าวยุค digital ที่ทั้งสนุก, ท้าทายและเติมเต็มการทำหน้าที่คนข่าว
อย่าให้ใครบอกคนทำข่าววันนี้ว่า "ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา"...เพราะถ้าเห็นโลงศพ, ก็หลั่งน้ำตาไม่ทันเสียแล้ว...ต้องเผาเลย!

No comments: