Saturday, September 10, 2011

ข่าวไฟไหม้ฟาง...ต้องถูกแทนที่โดย "ข่าวอธิบายความ"


คนข่าวมองไปในอนาคตจะต้องเห็นสัจธรรมข้อหนึ่ง นั่นคือ "ข่าวร้อนข่าวด่วน" จะกลายเป็น "สินค้าแบกะดิน" เพราะมีขายกันเกลื่อนกลาด และเป็นสิ่งที่ตามไล่ล่าแจกผู้คนที่มีเครื่องมือทันสมัยที่สามารถรับรู้ข่าวสารได้ตลอดทุกนาทีของวันเวลาไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนหรือทำอะไรอยู่

Breaking news จึงเป็นของร้อนเพียงชั่วไม่กี่นาที เพราะจะมีข่าวที่ร้อนกว่าเข้ามาแทนที่ในไม่กี่วินาทีข้างหน้า ดังนั้นข่าวด่วนข่าวเร็วจึงไม่ควรจะเป็น "อาหารจานหลัก" ของคนข่าวที่ต้องการจะสร้าง "คุณค่า" ให้กับงานของตนในวันนี้หรือวันข้างหน้าอีกต่อไป

หรือพูดอีกนัยหนึ่ง ข่าวร้อนข่าวเร็วนั้นบ่อยครั้งก็เป็นเพียง "ข่าวไฟไหม้ฟาง" เท่านั้น

ผู้บริโภคข่าวจะตีค่าของผลงานเราไม่ใช่ว่าเราสามารถเสนอข่าวร้อนได้เร็วกว่าคนอื่นตั้งหนึ่งวินาทีหรือสองวินาที หากแต่ brand ของงานข่าวจะอยู่ที่ว่าใครสามารถเสนอข่าวที่ลึกกว่า, อธิบายที่มาที่ไปและวิเคราะห์ได้สอดคล้องต้องกับความต้องการของคนที่ติดตามข่าวสารได้มากกว่า

นั่นคือ "ความแตกต่าง" ที่จะตัดสินว่าคนข่าวคนไหนจะได้รับความสนใจและสามารถอยู่ในเวทีแห่งการแข่งขันได้ยาวนานกว่ากัน

ดังนั้น "ข่าวด่วน" จึงสู้ "ข่าวสำคัญ"ที่มีผลต่อความเป็นอยู่หรือวิถีชีวิตของผู้คนไม่ได้

คนข่าวจึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนตนเองในการทำรายงานข่าวที่มีลักษณะ "ข่าวยั่งยืน" และ "ข่าวอธิบายความ" ที่บางคนเรียกว่า Evergreen journalism และ Explanatory journalism โดยเน้นที่ข่าวและรายงานซึ่งมีนัยสำคัญต่อสังคม ไม่ใช่เพียงแค่พาดหัวหวือหวาที่เกิดแล้วก็ตายได้ภายในไม่กี่ชัวโมง

Evergreen journalism ย่อมหมายถึงการที่นักข่าวเจาะข่าวที่มีเนื้อหาลุ่มลึกและสามารถดึงดูดความสนใจและความเห็นหลากหลายจากผู้คนที่ติดตาม ยิ่งเมื่ออยู่ในรูปแบบ digital แล้ว รายงานชิ้นนั้น ๆ ก็ยังปรากฏอยู่ในรูปแบบรายงานสดต่อไปได้ยาวนาน และเพิ่มพูนเนื้อหาสาระไปได้ตลอดเวลาตามสถานการณ์และรายละเอียดเพิ่มเติมหรือข้อมูลเสริมจากประชาชนทั่วไปที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้น ๆ

Explanatory journalism คือรูปแบบการรายงานข่าวที่เน้นการอธิบายเรื่องที่สลับซับซ้อนหรือมีหลายมิติ แม้จะไม่ใช่เรื่องฮิอฮาที่สร้างความเกรียวกราวในพาดหัว แต่เป็นประเด็นที่มีผลกระทบต่อผู้คนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว

และนั่นแหละคือ "ข่าวจริง" ที่จะอยู่ยงคงกระพันในโลกสื่อ digital ได้อย่างสง่างามตลอดไปไม่ว่าสื่อเก่าจะถูกท้าทายหนักหน่วงเพียงใดก็ตาม

No comments: