Thursday, August 8, 2013

เมื่อเจ้าของ Amazon.com ซื้อ Washington Post

อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นได้, ก็เกิดขึ้นให้ได้เห็นในช่วงชีวิตอันสั้น ๆ ของคนแล้ว
ข่าวตระกูล Graham ขายหนังสือพิมพ์ Washington Post เก่าแก่ 80 ปีให้กับ Jeff Bezos เจ้าของ Amazon.com ทำเอาวงการสื่อทั้งโลกตื่นตะลึงพอสมควร
ความคิดแรกสำหรับบางคนอาจจะตีความว่าสื่อเก่าอย่างหนังสือพิมพ์ถูกสื่อดิจิตัลอย่างเว็บไซท์ขายของยึดครองเสียแล้ว
ความคิดต่อมาคือหากบีซอสที่ประสบความสำเร็จด้านโลกออนไลน์อย่างเกรียวกราวกล้าควัก 250 ล้านเหรียญ (ประมาณ 7,500 ล้านบาท) เพื่อเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงโดดเด่นด้านความกล้าหาญและขุดคุ้ยเรื่องอื้อฉาวระดับชาติอย่างนี้แล้ว, ก็ย่อมแปลว่าสื่อสิ่งพิมพ์ยังมีความหวังที่จะอยู่รอดท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอันหนักหน่วงและรุนแรง
แปลว่าเจ้าของอะเมซอนเชื่อว่าตัวเองจะรักษาหนังสือพิมพ์ฉบับนี้เอาไว้ได้อย่างน้อยอีกระยะหนึ่งทีเดียว
คนทำงานหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ที่ถือว่าเป็นสถาบันของวงการข่าวมายาวนานยอมรับว่าเมื่อได้รับทราบข่าวเรื่องนี้เช้าวันจันทร์ ปฏิกิริยาแรกคืออาการช็อก เพราะการเจรจาซื้อขายครั้งนี้เงียบกริบ ไม่มีข่าวแพร่งพรายออกมาก่อนแม้แต่น้อย
ประธานบริษัทคือ Donald Graham และกรรมการผู้จัดการซึ่งเป็นหลานสาวชื่อ Katharine Weymouth เรียกประชุมพนักงานทั้งหมดเพื่อประกาศข่าวนี้ หลายคนที่ทำงานมานานร้องไห้ อีกหลายคนตะลึงงัน
โดนัล แกรแฮมยอมรับว่าเมื่อเริ่มเจรจาพูดคุยเรื่องขายหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ตัวเองก็ช็อกเหมือนกัน แต่เมื่อคุยกับเจ้าของอะเมซอนคนที่คุ้นเคยและเป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป
“หากยังอยู่เหมือนเดิม เราก็ยังเชื่อว่าวอชิงตันโพสต์จะอยู่รอดและทำกำไรได้ แต่เราต้องการทำอะไรมากกว่าเพียงแค่อยู่รอด ผมไม่ได้รับรองว่านี่จะประกันความสำเร็จได้ แต่มันทำให้เรามีโอกาสที่จะสำเร็จได้มากกว่าเดิม...” เขาบอก
นายบีซอสเองเขียนจดหมายถึงพนักงานวอชิงตันโพสต์เพื่อยืนยันว่าจะไม่ก้าวก่ายการบริหารวันต่อวัน
“ไม่ว่าจะเปลี่ยนเจ้าของหรือไม่ ก็หนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลงอยู่ดี แต่วอชิงตันโพสต์เป็นสถาบันที่สำคัญของสังคมอเมริกัน ผมไม่ได้ยืนยันว่าผมมีแผนสำหรับอนาคตที่เบ็ดเสร็จแล้ว เราคงต้องทดลองหลาย ๆ สูตร แต่สิ่งที่ผมรู้ว่าจะไม่ต้องเปลี่ยนคือคุณค่าของความเป็นวอชังตันโพสต์ หน้าที่ของหนังสือพิมพ์มีต่อคนอ่าน, ไม่ใช่เจ้าของ...”
เขาบอกว่าเขาจะยังทำงานอยู่ที่ “วอชังตันอีกแห่งหนึ่ง” (หมายถึงเมืองซีแอตเติล, รัฐวอชิงตัน, ไม่ใช่เมืองหลวงวอชิงตันอันเป็นที่ตั้งของสำนักพิมพ์วอชิงตันโพสต์) และจะให้ฝ่ายบริหารปัจจุบันทำหน้าที่ต่อไปเหมือนเดิม
ความสำเร็จของบีซอสในการสร้าง Amazon.com เป็นเว็บไซท์ขายปลีกสินค้าสารพัดชนิดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกทำให้เขาเป็นมหาเศรษฐีและพร้อมที่จะรองรับสภาวะเสี่ยงทางการเงินของวอชิงตันโพสต์ที่รายได้ตก 44% ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา  และยอดขายหนังสือพิมพ์ที่หดตัว 7% ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้
ตัว Amazon.com เองมีรายได้ก้าวกระโดดมาตลอด ปีที่แล้วรายงานรายได้กว่า 60,000 ล้านเหรียญหรือ 1,800,000 ล้านบาท
หรือเท่ากับเกือบ 3 เท่าของรายได้รวมของอุตสาหกรรมหนังสือพิมพ์ทั้งประเทศสหรัฐฯ!
แต่กระนั้น ตัวเลขการเงินของอะเมซอนตอนสิ้นปีที่แล้วก็ยังเป็นตัวแดง แม้ว่าราคาหุ้นของบริษัทจะสูงโด่งเพราะนักลงทุนเชื่อมั่นว่าที่บีซอสทุ่มลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของธุรกิจของเขาจะกลับกลายมาสร้างรายได้มหาศาลในอนาคต
Amazon.com กระตุ้นความมั่นใจให้กับวงการนักลงทุนเพราะสร้างรายได้จากโฆษณาได้เกือบ 610 ล้านเหรียญหรือประมาณ 18,300 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และคาดกันว่าจะโตขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 33% ในปีนี้
และหากเจ้าของอะเมซอนเชื่อว่าเขาสามารถจะปกปักรักษาสิ่งพิมพ์ที่มีประวัติศาสตร์อันโดดเด่นในฐานะสื่ออาชีพมายาวนานอย่าง Washington Post แล้วไซร้, ก็แปลว่าเขาพร้อมที่จะเล่นเกมยาวพอสมควรทีเดียว
ในฐานะที่ยังเชื่อมั่นในสื่อสิ่งพิมพ์และมีความหวังในสื่อดิจิตัลเต็มที่, ผมเชื่อในความมุ่งมั่นที่จะให้ Washington Post เสริมฐาน Amazon.com ของเขา

No comments: