คำว่า "ห้องข่าวเปิด" หรือ Open Newsroom เป็นนวัตกรรมของคนข่าวที่ต้องการให้คนอ่านและผู้บริโภคข่าวมีส่วนร่วมในการเสริมให้คนข่าวอาชีพสามารถทำหน้าที่ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับโลกยุคที่ social media สามารถทำให้ทุกคนมีส่วนในการสร้างเนื้อหาสาระของข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นส่วนรวมได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน
Storyful เป็นตัวอย่างของความพยายามที่จะก้าวเข้าสู่ภูมิทัศน์แห่งห้องข่าวยุคดิติจัลเช่นนั้น เป็นรูปแบบของ "สำนักข่าว" ที่ใช้เครือข่ายสื่อสังคมเป็นตัวเชื่อมประสานระหว่างคนทำข่าวกับผู้บริโภคข่าวที่สามารถแลกเปลี่ยนและเสริมการทำงานของกันและกัน
เริ่มต้น Storyful ใช้ Google+ เป็นแหล่ง "พบปะ" ของคนข่าวและสมาชิกจำนวนหนึ่งที่จะช่วยตรวจสอบภาพ, วีดีโอ, และเนื้อหาอื่น ๆ ที่ผ่านเข้ามาทาง Twitter, Facebook, Youtube และ Flickr และนำเสนอร่วมกันด้วยการประสานงานของมืออาชีพข่าวกับผู้รู้ในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ ที่จะให้ความเห็นร่วมกันต่อข่าวใหญ่ประจำวัน
บรรณาธิการของ Storyful Markham Nolan บอกว่าเป้าหมายของการเปิด "ห้องข่าวเปิด" ก็เพื่อจะได้เปิดประตูกว้างให้ผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ ได้เข้ามาร่วมตรวจสอบว่าข่าวและภาพแต่ละชิ้นนั้นมีความถูกต้องแม่นยำเพียงใด
เช่นหากมีข่าวเรื่องสงครามที่ซีเรีย อาจจะคนเขียนบล็อกบางคนที่เชี่ยวชาญด้านอาวุธเข้ามาให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับอาวุธที่ใช้ในการทำศึกสงคราม และตรวจสอบว่าข่าวที่เขียนจากภาคสนามเกี่ยวกับอาวุธที่ใช้นั้นถูกต้องแม่นยำเพียงใด
ห้องข่าวเปิดเช่นนี้มีลักษณะละม้ายกับที่ BBC เปิด "โต๊ะ User-Generated Content" ในห้องข่าวเพื่อให้คนดูและประชาชนทั่วไปส่งข่าว, ภาพและวีดีโอเข้ามาเพื่อแบ่งปันกันให้เกิดประโยชน์สูงสุด
นักข่าวบางคนเช่น Andy Carvin แห่ง NPR ก็เคยขอให้เพื่อน ๆ ของเขาในทวิตเตอร์ช่วยตรวจสอบภาพของเหยื่อสงครามในอียิปต์และตูนีเซีย หรือวีดีโอของตึกรามบ้านช่องที่ถูกระเบิดถล่มพังเสียหายและเนื้อหาข่าวอื่น ๆ ที่เขาเตรียมจะรายงาน แต่อยากให้ผู้รู้จริงใน social media ได้ช่วยตรวจสอบดูก่อนว่าถูกต้องและตรงกับความเป็นจริงมากน้อยเพียงใดหรือไม่
แวดวงข่าวของไทยเรายังไม่มีการทำ "Open Newsroom" ลักษณะนี้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวแม้จะมีนักข่าวบางคนจะใช้ทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กในการสร้างบทสนทนากับผู้คนในวงการเครือข่าวสือสังคมในการตรวจสอบและถามไถ่ถึงรายละเอียดในประเด็นที่เป็นข่าวบ้างก็ตาม
น่าเชื่อได้ว่า Open Newsroom จะค่อย ๆ เกิดขึ้นได้ในห้องข่าวขององค์กรข่าวที่ต้องการจะขยับขยายการทำหน้าที่ให้สาธารณชนมีส่วนร่วมในกระบวนการเฟ้นหาความจริงและตรวจสอบความถูกต้องของเนื้อหาก่อนการนำเสนออย่างแน่นอน
Sunday, September 29, 2013
Sunday, September 8, 2013
Jeff Bezos บอกคนข่าว Post: "No 1 Rule: Don't be boring."
Jeff Bezos เจ้าของคนใหม่ของ Washington Post พบกับคณะบรรณาธิการเป็นครั้งแรกและประกาศจะแจ้งว่า "The Number One Rule has to be: Don't be boring."
พูดง่าย ๆ คือคนข่าวยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ต้องใส่ใจผู้บริโภคมาเป็นอันดับหนึ่ง และสัจธรรมข้อแรกของการอยู่รอดคือต้องไม่ทำอะไรที่ผู้คนบอกว่า "น่าเบื่อ"
เจฟ เบซอสรับปากว่าจะให้การสนับสนุนทางการเงิน และจะเสนอ "point of view" หรือวิธีคิดของเขาให้กับผู้บริหารหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เพื่อที่จะทดลองหาสูตรที่จะทำให้การทำหน้าที่ด้านข่าวสารนี้อยู่รอดทางธุรกิจด้วย
"Making money isn't enough. It also has to be growing." เป็นอีกหนึ่งถ้อยแนะนำจากเจ้าพ่อด้านดิจิตัลที่กลายเป็นมหาเศรษฐีจากการขายของผ่านอินเตอร์เน็ทด้วยนวัตกรรมต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งในรูปของ Amazon.com
ความหมายของเขาก็คือว่าแค่ทำเงินอย่างเดียไม่พอ ธุรกิจด้านสื่อจะต้องสร้างฐานเพื่อการเติบโตด้วย หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือว่าถ้าไม่โต, ก็อยู่ไม่รอดเช่นกัน เพราะคนอื่นเขาจะโตเร็วกว่าและกลืนสื่อที่ย่ำอยู่กับที่
เขาบอกว่า "All businesses need to be young forever. If your customer base ages with you, you're Woolworth's."
เจ้าของอเมซอนดอทคอมยืนยันว่าธุรกิจทุกอย่างจะต้อง "รักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดเวลา" เพราะหากฐานลูกค้าของคุณร่วงโรยในวัยตามคุณ, คุณก็จะหมดสภาพเช่นเดียวกับเครือข่ายขายปลีกชื่อดังอย่างวูลเวิร์ทส์ที่ถูกโลกดิจิตับแซงหน้าจนเกือบจะไม่มีที่ยืนแล้ว แกบอกว่าหากจะสามารถค้นพบ "ยุคทองใหม่" ของวอชิงตันโพสต์ ก็จะต้องมาจากความสามารถในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ โดยทีมงาน "ผมจะให้คำแนะนำจากที่ห่าง ๆ ถ้าเราแก้ปัญหานี้ได้ ผมก็ไม่ควรจะได้เครดิตว่าเป็นฝีมือของผม" แกบอกกับบรรณาธิการและนักข่าวในการพบปะกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการหลังการประกาศซื้อธุรกิจโพสต์จากตระกูลแกรแฮมที่เป็นเจ้าของมา 80 ปีที่ราคา 250 ล้านเหรียญหรือประมาณ 7,500 ล้านบาท เจฟ เบซอสก่อตั้ง Amazon.com เมื่อปี 1994 และสร้างเป็นยักษ์ใหญ่วงการอินเตอร์เน็ทอย่างร้อนแรง วันนี้ประเมินกันว่าแกมีความมั่งคั่งอยู่ที่ 22,000 ล้านเหรียญหรือ 660,000 ล้านบาท แกบอกคนทำข่าวว่าหลักการทำงานสำคัญ 3 ข้อของอเมซอนที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือ "Put the customer first. Invent. And be Patient." ฟังดูง่าย แต่ปฏิบัติได้ยากยิ่ง นั่นคือให้ยึดถือลูกค้ามาก่อน, สร้างนวัตกรรมและอดทนรอเก็บเกี่ยวผลที่ตามมา แกบอกว่าหากคนข่าวของวอชิงตันโพสต์เปลี่ยนคำว่า "ลูกค้า" เป็น"คนอ่าน" ได้เมื่อไหร่, นั่นคือความสำเร็จแน่นอน
พูดง่าย ๆ คือคนข่าวยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ต้องใส่ใจผู้บริโภคมาเป็นอันดับหนึ่ง และสัจธรรมข้อแรกของการอยู่รอดคือต้องไม่ทำอะไรที่ผู้คนบอกว่า "น่าเบื่อ"
เจฟ เบซอสรับปากว่าจะให้การสนับสนุนทางการเงิน และจะเสนอ "point of view" หรือวิธีคิดของเขาให้กับผู้บริหารหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์เพื่อที่จะทดลองหาสูตรที่จะทำให้การทำหน้าที่ด้านข่าวสารนี้อยู่รอดทางธุรกิจด้วย
"Making money isn't enough. It also has to be growing." เป็นอีกหนึ่งถ้อยแนะนำจากเจ้าพ่อด้านดิจิตัลที่กลายเป็นมหาเศรษฐีจากการขายของผ่านอินเตอร์เน็ทด้วยนวัตกรรมต่อเนื่องอย่างไม่หยุดยั้งในรูปของ Amazon.com
ความหมายของเขาก็คือว่าแค่ทำเงินอย่างเดียไม่พอ ธุรกิจด้านสื่อจะต้องสร้างฐานเพื่อการเติบโตด้วย หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือว่าถ้าไม่โต, ก็อยู่ไม่รอดเช่นกัน เพราะคนอื่นเขาจะโตเร็วกว่าและกลืนสื่อที่ย่ำอยู่กับที่
เขาบอกว่า "All businesses need to be young forever. If your customer base ages with you, you're Woolworth's."
เจ้าของอเมซอนดอทคอมยืนยันว่าธุรกิจทุกอย่างจะต้อง "รักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวตลอดเวลา" เพราะหากฐานลูกค้าของคุณร่วงโรยในวัยตามคุณ, คุณก็จะหมดสภาพเช่นเดียวกับเครือข่ายขายปลีกชื่อดังอย่างวูลเวิร์ทส์ที่ถูกโลกดิจิตับแซงหน้าจนเกือบจะไม่มีที่ยืนแล้ว แกบอกว่าหากจะสามารถค้นพบ "ยุคทองใหม่" ของวอชิงตันโพสต์ ก็จะต้องมาจากความสามารถในการสร้างสิ่งใหม่ ๆ โดยทีมงาน "ผมจะให้คำแนะนำจากที่ห่าง ๆ ถ้าเราแก้ปัญหานี้ได้ ผมก็ไม่ควรจะได้เครดิตว่าเป็นฝีมือของผม" แกบอกกับบรรณาธิการและนักข่าวในการพบปะกันครั้งแรกอย่างเป็นทางการหลังการประกาศซื้อธุรกิจโพสต์จากตระกูลแกรแฮมที่เป็นเจ้าของมา 80 ปีที่ราคา 250 ล้านเหรียญหรือประมาณ 7,500 ล้านบาท เจฟ เบซอสก่อตั้ง Amazon.com เมื่อปี 1994 และสร้างเป็นยักษ์ใหญ่วงการอินเตอร์เน็ทอย่างร้อนแรง วันนี้ประเมินกันว่าแกมีความมั่งคั่งอยู่ที่ 22,000 ล้านเหรียญหรือ 660,000 ล้านบาท แกบอกคนทำข่าวว่าหลักการทำงานสำคัญ 3 ข้อของอเมซอนที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือ "Put the customer first. Invent. And be Patient." ฟังดูง่าย แต่ปฏิบัติได้ยากยิ่ง นั่นคือให้ยึดถือลูกค้ามาก่อน, สร้างนวัตกรรมและอดทนรอเก็บเกี่ยวผลที่ตามมา แกบอกว่าหากคนข่าวของวอชิงตันโพสต์เปลี่ยนคำว่า "ลูกค้า" เป็น"คนอ่าน" ได้เมื่อไหร่, นั่นคือความสำเร็จแน่นอน
Subscribe to:
Posts (Atom)